|
|
คนรุ่นใหม่ทำเกษตร โดยใช้บัญชีนำทาง ช่วยวิเคราะห์ วางแผนการผลิต
และกำหนดราคาสินค้าได้เอง
|

|
เกษตรกรวัย 35 จากจังหวัดสิงห์บุรี ผันตัวจากพนักงาน
โรงงานสู่อาชีพเกษตรกร โดยน้อมนำหลักปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาปรับใช้ทำ
เกษตรผสมผสาน และปลูกฝรั่งปลอดสารพิษ พร้อมนำข้อมูล
ทางบัญชีมาคิดวิเคราะห์และช่วยในการวางแผนการผลิต จน
ประสบความสำเร็จ ผลผลิตขายดีเป็นที่ต้องการของตลาด
และยังสามารถกำหนดราคาได้เอง |
นายชยุตม์ โตสำราญ ครูบัญชีอาสาจากจังหวัดสิงห์บุรี และเป็นเกษตรกรดีเด่น
สาขาบัญชีฟาร์ม ระดับจังหวัดประจำปี 2563 เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะมาทำการเกษตรผสม
ผสาน เคยทำงานอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ประมาณ 5-6 ปี จึงลาออกมา เพราะมองว่าการ
เป็นลูกจ้างก็เพียงทำงานให้เจ้าของกิจการรวย แต่เราเองมีเงินเดือนเท่าเดิม แค่พออยู่พอกินเท่า
นั้น ไม่มีเงินเก็บเงินออม อีกทั้งต้องการกลับมาดูแลแม่ที่สุขภาพไม่ดี จึงตัดสินใจกลับบ้านและ
เลือก ที่จะเป็นนายของตัวเอง ด้วยการทำเกษตรผสมผสาน โดยน้อมนำแนวทางที่ในหลวงรัชกาล
ที่ 9 พระราชทานไว้ ซึ่งเมื่อค้นคว้าหาข้อมูลเรื่องการทำเกษตรทฤษฎีใหม่แบบยั่งยืน ทำให้ได้
หลักการที่ว่าหากทำการเกษตรแบบพืชผสมผสาน ปลูกทั้งพืชอายุสั้นและพืชอายุยืนผสมผสาน
สลับกัน ก็จะมีผลผลิตบริโภคและจำหน่ายได้ตลอดทั้งปี เมื่อคิดได้ดังนั้น ก็ตัดสินใจลงมือทำ
ทันที ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำเกษตรแบบปลอดสารพิษเท่านั้น เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวเราเอง
และผู้บริโภค เริ่มต้นจากปรับพื้นที่จำนวน 3 งาน ปลูกฝรั่ง เพราะเห็นคุณยายข้างบ้านปลูกฝรั่ง
แล้วมานั่งขายกิโลกรัมละ 10 บาท เพียงแค่ช่วงเช้าคุณยายก็ได้เงินกลับไปหลายร้อยบาท จึงมี
ความคิดว่า หากเราจะปลูกบ้างก็ต้องขายได้เช่นกัน แต่จะปลูกคนละสายพันธุ์กับคุณยายเพื่อที่จะ
ได้ไม่แย่งตลาดกัน ซึ่งคุณยายปลูกพันธุ์แป้นสีทอง ตนจึงหาฝรั่งพันธุ์กิมจูมาทดลองปลูก 50 ต้น
แต่เนื่องจากต้องใช้เวลา 7-8 เดือนจึงจะเริ่มเก็บผลผลิตได้ ระหว่างนั้น ก็ปรับพื้นที่ระหว่าง ต้นฝรั่ง
ทำแปลงปลูกผักปลอดสารพิษ เพื่อจำหน่ายสร้างรายได้อีกทางหนึ่ง
แต่การปลูกฝรั่งใน 2 ปีแรกยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ผลผลิตที่ได้น้อยมาก เฉลี่ย
ไม่ถึง 20 กิโลกรัม เพราะยังขาดประสบการณ์และความรู้ด้านการจัดการต่าง ๆ ที่ถูกต้อง แต่ก็ไม่
ได้ละความพยายาม ตัดสินใจเข้าหาแหล่งความรู้ทั้งหาหนังสือมาอ่านและขอคำแนะนำจากทาง
สำนักงานเกษตรอำเภอ ค่อย ๆ เรียนรู้จนกระทั่งได้ผลผลิตฝรั่ง กิมจูเพิ่มมากขึ้นและมีรสชาติดี
โดยชูจุดขายการเป็นฝรั่งปลอดสารพิษ ปรากฏว่าช่วงแรกยังขายไม่ดีนัก เพราะลูกค้ายังไม่รู้ว่า
ฝรั่งที่ปลอดสารพิษกับไม่ปลอดสารพิษแตกต่างกันอย่างไร จึงนำผลผลิตมาให้ลูกค้าชิมบ่อย ๆ
จนลูกค้าเริ่มติดใจและขายดีขึ้นตามลำดับ ราคาขายฝรั่งก็เพิ่มขึ้นจากเคยขายได้กิโลกรัมละ 10
บาทก็เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 20 บาท และเพิ่มขึ้นมาตามลำดับจนปัจจุบันกิโลกรัมละ 30 - 50 บาท
โดยช่องทางการตลาดในปัจจุบัน มีร้านจำหน่ายผลผลิตอยู่ในศูนย์การค้าท็อปส์ สาขาสิงห์บุรี ชื่อ
ร้านกลุ่มผักดี๊ดี ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของสมาชิกที่ทำเกษตรปลอดสารพิษ นำผลผลิต ของตัวเอง
มาจำหน่าย และส่วนหนึ่งจำหน่ายผ่านเพจ ชยุตม์ฟาร์ม ซึ่งได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีทั้ง 2 ช่อง
ทาง จึงขยายพื้นที่ปลูกฝรั่งเพิ่มเป็น 2 ไร่ครึ่ง จำนวน 200 กว่าต้น พร้อมกับปลูกพืชผสมผสานอื่น ๆ
เพิ่ม เช่น กล้วยหอม มะละกอ ผักสลัด ผักปลอดสารพิษ โดยผลผลิตจากสวนได้รับการรับรอง
มาตรฐาน GAP มาตรฐานออแกนิกส์ไทยแลนด์ จากหน่วยงานราชการที่รับผิดชอบ ยิ่งตอกย้ำ
คุณภาพของผลผลิตจากสวน สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
นายชยุตม์ บอกว่า ปัจจัยแห่งความสำเร็จเหล่านี้ เกิดจากการวางแผนที่ดีโดยการนำข้อมูล
ทางบัญชีมาคิดวิเคราะห์ตั้งแต่เริ่มทำการเกษตรในปีแรก ๆ โดยได้เข้าไปขอคำแนะนำความรู้ด้าน
ต่าง ๆ ในการทำเกษตรจากทุกหน่ายงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อนำองค์ความรู้
มาพัฒนา แก้ไขปัญหาและหาวิธีลดต้นทุนการผลิต ซึ่งรวมถึงสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์สิงห์บุรี
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ที่ได้เข้าไปขอรับคำแนะนำในการจดบันทึกบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุน
อาชีพ เมื่อลงมือจดบันทึก จึงทำให้เรารู้ต้นทุนการผลิตในทุก ๆ กิจกรรมที่ทำ ทั้งค่าแรง ค่าปัจจัย
การผลิต ค่าบรรจุภัณฑ์ ค่าขนส่ง เป็นต้น และเมื่อเรารู้ต้นทุนที่แท้จริงเหล่านี้ ก็จะทำให้เรา
สามารถกำหนดราคาผลผลิตได้เองหรือสามารถต่อรองกับพ่อค้าได้
การจดบันทึกทางบัญชีนอกจากจะช่วยให้รับรู้ รายรับ รายจ่ายแล้ว จะช่วยให้เรามีระเบียบ
วินัยในการ วางแผนการใช้จ่ายที่เหมาะสม ทั้งในส่วนของการประกอบอาชีพและการดำรงชีวิต
นอกจากนี้ยังเป็นข้อมูลของการผลิต ว่าเราผลิตได้เท่าไหร่ ส่งจำหน่ายที่ไหนบ้าง มีสต๊อกสินค้า
เท่าไหร่ มีการตีกลับสินค้าหรือไม่เพราะเหตุใด สินค้าประเภทใดควรผลิตเมื่อไหร่ เพื่อให้เป็นที่
ต้องการของตลาดและจะขายได้ราคาดีในช่วงใด เป็นต้น และจากการให้ความสำคัญกับการทำ
บัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีสำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์สิงห์บุรี
เป็นพี่เลี้ยง จึงได้รับคัดเลือกให้เป็นครูบัญชีอาสาเมื่อปี 2560 และในปี 2563 ได้รับคัดเลือกให้
เป็นเกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชีฟาร์ม ระดับจังหวัดอีกด้วย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจที่ได้รับโอกาส
ในครั้งนี้ และพร้อมที่จะทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ทางบัญชีให้กับเกษตรกรหรือผู้สนใจทั่วประเทศ
"เรื่องของบัญชีครัวเรือนและบัญชีต้นทุนอาชีพ ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากเราจดบันทึกเป็น
ประจำจะทำให้เรารู้ตัวตนที่แท้จริง ว่ามีรายรับ รายจ่ายเท่าไหร่ จากทางไหนบ้าง โดยเฉพาะหาก
เรารู้ต้นทุนในการผลิตสินค้า เราก็จะกำหนดราคาสินค้าได้เอง เมื่อมีการต่อรองจากพ่อค้าเราก็จะรู้
ราคาในระดับที่เราสามารถรับได้ ซึ่งจะช่วยให้เราไม่ขาดทุนและมีกำไรเพิ่มขึ้นนายชยุตม์ กล่าว
ทิ้งท้าย
|
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889 |
|
 |

|
 |
|
การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel |
|