|
|
"ยุภาพร คงสมบัติ ต้นแบบครูบัญชีอาสา พลิกชีวิตจากพนักงานบริษัท
สู่เกษตรกรมืออาชีพ |

|
นางยุภาพร คงสมบัติ เกษตรกรดีเด่น สาขาบัญชี
ฟาร์ม ปี 2561 จากจังหวัดชัยภูมิ พลิกผันชีวิตจาก
พนักงานบริษัท มาสู่อาชีพเกษตรกรรมได้อย่างมั่นคง
ยั่งยืน และเป็นอีกหนึ่งต้นแบบเกษตรกรที่ใช้แนวทาง
การทำบัญชีมาเป็น เข็มทิศให้กับชีวิตของตนเอง
สามารถพัฒนาอาชีพเกษตรกรรมภายใต้การศึกษาหา
ความรู้ พัฒนาปรับเปลี่ยนเรียนรู้อย่างสร้างสรรค์ รวม
ถึงเป็นแบบอย่างทางด้านความคิดที่มีส่วนในการผลัก
ดันให้เพื่อน พี่ น้อง และเกษตรกรในพื้นที่ ได้เห็นถึง
ความสำคัญในการทำบัญชี ภายใต้บทบาทครูบัญชี
อาสาอีกด้วย |
นางยุภาพร คงสมบัติ เปิดเผยว่า เดิมครอบครัวปลูกอ้อยบนพื้นที่ 50 ไร่ เนื่องจากอยู่ใน
เขตการส่งเสริมการ ปลูกอ้อยของโรงงานน้ำตาลบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ดังนั้น อ้อยจึงนับว่าเป็น
พืชเศรษฐกิจของเกษตรกรส่วนใหญ่ในพื้นที่ แต่การอาศัยรายได้จากการปลูกอ้อยเพียงอย่างเดียว
นั้น เป็นความเสี่ยงอย่างยิ่ง เนื่องจาก 1 ปี เก็บผลผลิตได้เพียงครั้งเดียวและราคาอ้อยเป็นไปตาม
กลไกของตลาด เกษตรกรไม่สามารถกำหนดราคาเองได้ หากปีใดราคาอ้อยตกต่ำ เกษตรกรก็ไม่
มีรายได้ และยังเป็นหนี้กับทางโรงงาน การเปลี่ยนแปลงในด้านการเกษตรของครอบครัวเริ่มเกิด
ขึ้น เมื่อความต้องการทางด้านการเงินมีมากขึ้น เนื่องจากต้องส่งลูกเรียนทั้งในระดับมัธยมศึกษา
และปริญญาตรี ซึ่งในขณะนั้น ผู้เป็นพ่อจึงตัดสินใจขุดบ่อเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเกษตร จาก
นั้นรื้อแปลงอ้อยเปลี่ยนมาปลูกพืช ผัก หมุนเวียน จำนวน 5 ไร่ นอกจากนี้ ยังวางแผนให้ก่อเกิด
รายได้รายวัน ด้วยการเก็บผักขายในหมู่บ้าน ชุมชนใกล้เคียง และส่งขายตลาด ทำให้มีรายได้ส่ง
ลูกเรียนจบปริญญาตรีทั้ง 3 คน ส่วนตนเองภายหลังจากจบปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขา
การจัดการ จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม ก็ทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้รับค่าแรงเป็นเงิน
เดือนตามวุฒิการศึกษาในขณะนั้น
จนกระทั่งเกิดความคิดอยากกลับบ้านเพื่อมาดูแลพ่อแม่ และช่วยทำการเกษตร จึงตัดสินใจ
ลาออกจากงานประจำ มาทำการเกษตรเต็มตัว โดยขณะนั้นพ่อและแม่ ได้เริ่มทดลองปลูกพุทรา
สามรส จำนวน 10 ไร่ จึงเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้นำความรู้มาช่วยครอบครัวทำการตลาด โดยเริ่ม
จากขายในชุมชน ตลาดใกล้บ้าน ต่างอำเภอ และต่างจังหวัด และด้วยพุทราเป็นผลไม้ที่ไม่อยู่ใน
กระแส คนปลูกไม่มาก การเก็บเกี่ยวผลผลิตนานถึง 6 เดือน ไม่มีความเสี่ยงเรื่องราคามากนัก
ประกอบกับการผลิตของให้ได้คุณภาพตามความต้องการของลูกค้า ทำให้เป็นที่นิยมของลูกค้า
จึงขยายพื้นที่ปลูกเป็น 25 ไร่ และนำความรู้ที่เรียนมาเพื่อใช้บริหารจัดการในการเกษตรทั้งด้าน
การวางแผนการปลูกพืช การวางแผนการตลาด โดยใช้ข้อมูลบัญชีต้นทุน อาชีพ เป็นพื้นฐานใน
การวางแผน เพื่อให้เกิดความคุ้มค่า เน้นคุณภาพของผลผลิต ความปลอดภัยปราศจากการเข้า
ทำลายของโรคและแมลงหรือสารพิษตกค้าง หลีกเลี่ยงการปลูกพืชในฤดูที่มีผู้ผลิตและผล
ผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก สร้างความแตกต่างเพื่อจูงใจในการตัดสินใจ และเป็นการสร้างอัต
ลักษณ์ของสินค้าตนเอง เพียง 4 ปีที่ตัดสินใจลาออกจากงานประจำ มาทำการเกษตรอย่างเต็มตัว
ก็สามารถปลดภาระหนี้สินประมาณ 600,000 บาท ที่เกิดขึ้นเมื่อคราวลงทุนทำไร่อ้อยได้สำเร็จ
และเริ่มมีเก็บออมเงินส่วนหนึ่งเพื่อใช้ในการลงทุนปลูกพืชใหม่ ๆ ในครั้งต่อไป และอีกส่วนหนึ่ง
เก็บไว้เพื่อใช้ในคราวฉุกเฉิน
ด้วยความสำเร็จและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่ยอมรับของทุกภาคส่วน ในปี 2559
ได้มีโอกาสเข้าอบรมครูบัญชีอาสา เพื่อทำหน้าที่เป็นครูบัญชีอาสาของกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
ถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านบัญชีให้กับเกษตรกรและประชาชนทั่วไป และนับว่าเป็นโอกาสดีอีกครั้ง
เมื่อพื้นที่เกษตรของตนได้รับคัดเลือกให้เป็นศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า
เกษตร (ศพก.) ประจำอำเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เพื่อเป็นศูนย์กลางการถ่ายทอดความรู้สู่ชุมชน
จึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้สามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากการทำการเกษตร
การใช้ข้อมูลทางการบัญชีเพื่อการวางแผนด้านการเกษตร ให้กับผู้ที่สนใจได้อย่างกว้างขวางมาก
ขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชนเข้ามา
เยี่ยมเยือนและแลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์อย่างต่อเนื่อง
นางยุภาพร กล่าวอีกว่า จากความสำเร็จในเบื้องต้นที่กล่าวมา ได้มีการส่งเสริมการทำบัญชี
ให้กับเกษตรกรรายอื่น ๆ ในพื้นที่ โดยใช้ประสบการณ์ของครอบครัวตนเองเป็นตัวอย่างในการ
ถ่ายทอด เพื่อให้ประกอบอาชีพอย่าง มีหลักการมากขึ้น ทำให้ขณะนี้ในพื้นที่ ต.บ้านแก้ง อ.ภู
เขียว จ.ชัยภูมิ มีเกษตรกรที่ลดพื้นที่การปลูกอ้อยแล้วหันมาทำเกษตรผสมผสานสร้างรายได้ราย
วันกันมากขึ้น ส่งผลให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
"การทำบัญชีต้นทุนอาชีพ ถือเป็นเข็มทิศสำคัญในการดำเนินชีวิตเป็นอย่างยิ่ง และไม่ใช่
เพียงเฉพาะอาชีพเกษตรกรเท่านั้น ทุกอาชีพก็ควรจะให้ความสำคัญในการทำบัญชี ประชาชนทั่ว
ไปทุกสาขาอาชีพ ก็สามารถนำหลักการทำบัญชีมาใช้ในชีวิตประจำวันให้เกิดประโยชน์ได้เช่นกัน
เพื่อให้การดำเนินชีวิตอยู่ภายใต้ความไม่ประมาท ลดความเสี่ยงได้อย่างมีเหตุมีผล ปัจจุบันได้
ปรับพื้นที่มาทำการทำเกษตรผสมผสานเต็มรูปแบบ ทั้งปลูกไม้ผล พืช ผัก ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์ ขุด
บ่อน้ำ ทำกิ่งพันธุ์ไม้ผล ทำให้มีรายได้ทุกวัน ตลอดทั้งปี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างมั่นคง นางยุ
ภาพร กล่าว
|
|
|
|
สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889 |
|
 |

|
 |
|
การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel |
|