Sorry, your browser does not support JavaScript!
W3C
fontsizes fontsizem fontsizel
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์



 

กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ชี้ธุรกิจสหกรณ์โคนมเติบโตต่อเนื่อง ขยายช่องทาง
ธุรกิจรองรับยุค New Normal เน้นผู้สอบบัญชีประเมินความเสี่ยงและ
ตรวจสอบการดำเนินธุรกิจรอบด้าน สร้างความเชื่อมั่นให้สมาชิก

    
     กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เปิดเผยภาพรวมปริมาณธุรกิจของ
สหกรณ์โคนม ชี้เติบโตและขยายช่องทางการดำเนินธุรกิจต่อ
เนื่องในระยะ 10 ปี รวมทุนดำเนินงานกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท เน้น
ผู้สอบบัญชีสหกรณ์ ประเมินความเสี่ยงการดำเนินธุรกิจแต่ละ
ประเภทพร้อมตรวจสอบข้อมูลด้านการเงินการบัญชีเพื่อให้สอด
คล้องกับการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์และเท่าทันกับสถานการณ์
ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบัน ลดความเสี่ยงการทุจริตและ
สร้างความเชื่อมั่นให้กับสมาชิกได้รับผลประโยชน์อย่างเป็นธรรม
 
 
 
     นางสาวจินดา เสถียรุจิกานนท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการบัญชีและการสอบบัญชี สำนัก
งานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 1 กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
เปิดเผยว่า การเลี้ยงโคนมเป็นอาชีพที่
เกิดจากพระอัจฉริยภาพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ทรงเล็งเห็นว่า
อาชีพการเลี้ยงโคนมจะช่วยให้ชาวไทยได้บริโภคอาหารที่มีคุณค่า มีอาชีพที่มั่นคงเป็นหลักแหล่ง
โดยทรงได้รับการน้อมเกล้าฯ ถวายพระราชสมัญญาว่า "พระบิดาแห่งการโคนมไทย” ซึ่งใน
ปัจจุบันเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนม ได้รวมกลุ่มกันดำเนินการในรูปแบบของสหกรณ์ตามแนวพระราช
ดำริ หน่วยงานทั้งในระดับภาครัฐและภาคเอกชนจึงได้ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ในด้านการจัดการฟาร์มโคนมและการแปรรูปอุตสาหกรรมนมครบวงจร และได้รับการยอมรับใน
ระดับสากลว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในด้านการส่งเสริมการเลี้ยง
โคนมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งในปี 2562 ที่ผ่านมา มีสหกรณ์โคนม รวม 94
สหกรณ์ จำนวนสมาชิกทั้งสิ้น 19,389 คน
     สำหรับธุรกิจของสหกรณ์โคนม มีลักษณะคล้ายกับธุรกิจของสหกรณ์ภาคการเกษตร
ประกอบด้วย
      1.ธุรกิจการรับฝากเงิน เป็นการส่งเสริมให้สมาชิกมีการออม นอกเหนือจากการถือหุ้น
      2.ธุรกิจการให้สินเชื่อ เพื่อช่วยเหลือสมาชิกในด้านเงินทุน เพราะการเลี้ยงโคต้องใช้เงิน
ทุนค่อนข้างมาก
      3.ธุรกิจรวบรวมและแปรรูปผลผลิต ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของสหกรณ์ โดยการรวบรวมน้ำนมดิบ
จากสมาชิก จำหน่ายให้บริษัทเอกชนหรือสหกรณ์อื่น ๆ สำหรับสหกรณ์ที่มีโรงงานแปรรูปนม จะ
นำน้ำนมดิบมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ นมพาสเจอร์ไรส์ นมยู เอช ที และไอศกรีม
สำหรับผลิตภัณฑ์นมพร้อมดื่ม ส่วนใหญ่จำหน่ายให้กับโครงการอาหารเสริม (นมโรงเรียน) บาง
สหกรณ์กำลังการผลิตของเครื่องจักรมีมากก็จะรับจ้างผลิตผลิตภัณฑ์นมให้กับบริษัทเอกชนเพื่อ
สร้างรายได้ให้เกิดความคุ้มค่าสำหรับการลงทุนในเครื่องจักร
     4.ธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่ายให้กับสมาชิก ได้แก่ เวชภัณฑ์ อาหารสัตว์ และสินค้า
อุปโภคบริโภค สำหรับอาหารสัตว์บางสหกรณ์ก็มีการผลิตอาหารสัตว์จำหน่ายด้วย
     5.ธุรกิจการทำฟาร์มโคนม สำหรับธุรกิจนี้สหกรณ์ต้องการพัฒนาคุณภาพฟาร์มและน้ำนม
ดิบให้มีมาตรฐาน จึงเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินทุนและแรงงานค่อนข้างมาก
     6. ธุรกิจการขายและให้บริการด้านเครื่องดื่มและอาหาร ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่กำลังได้รับความ
นิยม และกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกับภาวะเศรษฐกิจในภาพรวมที่ชะลอตัว และปรับตัวให้
เข้ากับชีวิตวิถีใหม่ ที่เรียกว่า ยุค New Normal ตัวอย่างเช่น สหกรณ์โคนมหนองโพราชบุรี จำกัด
ซึ่งขยายช่องทางจำหน่ายนมพาสเจอไรซ์ เปิดธุรกิจใหม่"ร้านแฟรนไชส์ หนองโพ Cafe” ขาย
แฟรนไชส์ให้กับนักลงทุนที่สนใจ และเพิ่มช่องทางจำหน่ายทางออนไลน์ เพื่อให้สอดรับกับเท
รนด์ดีลิเวอรี่ที่เติบโตขึ้นต่อเนื่อง
     ทั้งนี้ จากข้อมูลปริมาณธุรกิจของสหกรณ์โคนมในระยะเวลา 10 ปี ตั้งแต่ปี 2553 ถึงปี 2562
ธุรกิจรวบรวมผลิตผล มีปริมาณมากที่สุดร้อยละ 45.15 รองลงมาเป็นธุรกิจจัดหาสินค้ามาจำหน่าย
และการแปรรูป ในส่วนของทุนการดำเนินงานของสหกรณ์ จำนวน 14,315.29 ล้านบาท เป็น
หนี้สินทั้งสิ้น 10,250.03 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 71.60 ในหนี้สินส่วนใหญ่เป็นเงินกู้และเครดิต
การค้า 7,315.20 ล้านบาท และเป็นทุนของสหกรณ์4,065.27 ล้านบาท ส่วนของสินทรัพย์ทั้งสิ้น
สหกรณ์ลงทุนในที่ดินอาคารและอุปกรณ์ 5,010.65 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 35
    ผู้เชี่ยวชาญด้านการบัญชีและการสอบบัญชี สำนักงานตรวจบัญชีสหกรณ์ที่ 1
กรมตรวจบัญชีสหกรณ์
กล่าวอีกว่า จากการดำเนินธุรกิจของสหกรณ์โคนม ที่มีความหลาก
หลายและมีความซับซ้อนมากขึ้น มีการพัฒนาให้ทัดเทียมกับธุรกิจภาคเอกชน กรมตรวจบัญชี
สหกรณ์ จึงมุ่งเน้นให้ผู้สอบบัญชีสหกรณ์ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญของกรมฯ ในการปฏิบัติงานสอบ
บัญชี เพื่อให้สมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร รวมทั้งผู้ที่จะใช้ข้อมูลด้านการเงินการบัญชีของ
สหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรมีข้อมูลที่เชื่อถือได้และเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีและมาตรฐาน
การสอบบัญชีจึงจำเป็นต้องมีหลักการประเมินความเสี่ยงและตรวจสอบข้อมูลด้านการเงิน
การบัญชีของสหกรณ์
อย่างถี่ถ้วนและรอบด้าน อาทิ ด้านคุณภาพน้ำนมดิบ ควรมีการสอบ
ทาน กระบวนการรวบรวมน้ำนมดิบของสหกรณ์ว่ามีการปฏิบัติตามระบบอย่างสม่ำเสมอ โดยดูการ
ปฏิบัติจริง และสอบถามเจ้าหน้าที่และสมาชิกที่มาส่งน้ำนมการวิเคราะห์การสูญเสียในแต่ละ
รอบการผลิต
เนื่องจากการผลิตสินค้าจะมีการสูญเสียที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิต ดังนั้น ผู้สอบ
บัญชีจึงควรวิเคราะห์ เพื่อนำมาเปรียบเทียบและหาความแตกต่างหรือสิ่งที่ผิดปกติการสอบทาน
สัญญาและเงื่อนไข
ตรวจสอบว่า สหกรณ์มีการติดตามลูกหนี้การค้าหรือประสานงานกับตัวแทน
อย่างไร หากเก็บมาแล้วไม่นำส่งสหกรณ์มีมาตรการเช่นไรเป็นต้น นอกจากนี้ จำเป็นต้องมีการ
ตรวจสอบว่าสหกรณ์มีการวางแผนบริหารเงินทุนที่ได้มาและใช้ไปเพื่อรักษาสภาพคล่องให้เหมาะ
สม รวมไปถึงการกำหนดราคาขาย การวิเคราะห์หรือเปรียบเทียบรายได้ในแต่ละธุรกิจ และการ
บันทึกค่าใช้จ่าย ซึ่งต้องมีการตรวจสอบเอกสาร การอนุมัติรายการ วิเคราะห์ เปรียบเทียบเพื่อให้
เห็นสิ่งหรือรายการที่ผิดปกติ
     "สหกรณ์ เป็นสถาบันทางเศรษฐกิจและสังคมที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาระบบ
เศรษฐกิจของไทย โดยมีการดำเนินธุรกิจที่หลากหลายเทียบเท่าภาคเอกชนและมีเงินทุนหมุน
เวียนจำนวนมหาศาล ซึ่งหากนับรวมทุนดำเนินงานของสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศขณะ
นี้ มีทุนดำเนินงานประมาณ 3.2 ล้านล้านบาท ถือว่ามากเป็นอันดับ 3 ของประเทศ จึงมีความ
สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย ผู้สอบบัญชีสหกรณ์ จึงมีบทบาทสำคัญในการช่วย
วิเคราะห์ วางแผนให้กับสหกรณ์ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดในอนาคตได้ และประเมินความเสี่ยง
ว่า ในกิจกรรมของสหกรณ์นั้น เรื่องใดมีความเสี่ยงหรือต้องแก้ไขปรับปรุงอย่างไร รวมทั้งสอดส่อง
ดูแลพฤติกรรมของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทำให้ช่วยลดความเสี่ยงและช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้
กับสมาชิกทุกคนว่าได้รับการดูแลจากสหกรณ์เป็นอย่างดีและได้รับผลประโยชน์ที่พึงได้อย่างเท่า
เทียมและเป็นธรรม”
 
เกี่ยวกับเรา
  • ประวัติ
  • อาคารอนุรักษ์
  • ทำเนียบอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • ผังโครงสร้างกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
  • วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมาย
  • ค่านิยมหลัก
  • วัฒนธรรมองค์กร
  • ทำเนียบ / สถานที่ตั้ง

  • กฎหมายที่เกี่ยวข้อง

    สงวนลิขสิทธิ์ 2559 - กรมตรวจบัญชีสหกรณ์ 12 ถนนกรุงเกษม แขวงวัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200
    ศูนย์บริการประชาชน (Call Center) 0 2016 8888 โทรสาร 0 2282 0889
     

    Valid HTML 4.01 Transitional

    การแสดงผลหน้าเว็บไซต์จะสมบูรณ์ที่สุดสำหรับ Google Chrome และ Internet Explorer ความละเอียดหน้าจอ 1024 x 650 pixel